เพลงประกอบ อมตะนิยาย จุฬาตรีคูณ 


อริยวรรต จอมกษัตริย์แห่งมคธ ต้องการรวมแผ่นดินชมพูทวีปให้เป็นหนึ่ง ด้วยคำอ้างว่าเพื่อรวบรวมเผ่าพันธุ์มคธที่แตกสานซ่านเซ็นกันไปในครั้งศึก อารยัน หลายต่อหลายอาณาจักรที่ยาตราทัพผ่านและมีชัยเหนือแผ่นดินเหล่านั้น จนเมื่อยกทัพมาหยุดยั้งตรงริมฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อข้ามไปยังกรุงพาราณสี 

ราตรีนั้นอริยวรรตได้นิมิตเห็นนางงามผู้หนึ่งสะอื้นไห้ด้วยชิงชังในความงาม ของนางเอง ด้วยความรุ่มร้อนอยากค้นหานางในฝันและต้องการรู้ว่าทำไมนางจึงต้องการเช่น นั้น จึงให้เลิกทัพแล้วชักชวน ขัตติยะราเชนทร์พระอนุชา ข้ามฝั่งนทีเพื่อตามหานางในฝัน แต่ด้วยเหตุที่รู้ว่าเป็นลางร้ายขัตติยะจึงเพียรขัดขวางแนะนำให้กลับไป อภิเษกกับเจ้าหญิงอาภัสราพระคู่หมั้น แม้ว่าตนเองจะผูกสมัครรักใคร่อยู่กับนาง แต่เป็นเพราะพระราชบิดาทรงจัดการหมั้นหมายให้ก่อนจะสวรรคต อริยวรรตทรงทราบพระทัยของคู่รักดี และคิดจะให้ทั้งคู่อุปภิเษกกัน แต่ขัตติยะราเชนทร์ทรงปฎิเสธ

อริยวรรตตั้งพระทัยมั่นที่จะตามหานางในฝันให้ได้ ทำให้ ขัตติยะ ราเชนทร์จำยอมปลอมเป็นกัญญะผู้มีเสียงเสนาะปานนกโกกิลา และอริยวรรตปลอมพระองค์เป็นพราหมณ์วิพาหะผู้มีจักษุเพียงข้างเดียว ทั้งสองเข้าไปถึงชานเมืองพาราณสีวันเดียวกับที่เจ้าหญิงดารารายพิลาสทรง หมั้นกับกาฬสิงหะกษัตริย์แห่งเวสาลีและเสด็จมานมัสการองค์ศิวะเทพที่เทวาลัย แถวนั้น สองสหายเมื่อทราบความก็รีบหลบเข้าข้างทางซอกซอนหาทางเข้าเทวาลัย

เมื่อเทวตีนางแม่มดผู้ดูแลวิหารอัญเชิญเสด็จเจ้าหญิงเข้าสู่เทวาลัยใต้ เงื้อมผา มีแต่เหล่าพี่เลี้ยงนางกำนัลตามเสด็จเข้าไป ทันใดนั้นเกิดแผ่นดินไหวหินถล่มลงมาทับนางแม่มดและเหล่านางกำนัลตายสิ้น ส่วนเจ้าหญิงนั้นวิพาหะเข้าไปช่วยพาออกมาจากที่ทรงยืนนิ่งเพราะต้องมนต์อยู่ ได้ทัน ทำให้ทรงรอดชีวิตมาเพียงผู้เดียว จากการช่วยชีวิตของเจ้าหญิงดารารายทำให้สองสหายได้เข้าไปอยู่ในพระราชวังตาม คำเชิญของพระเจ้ากรุงพาราณสี 

พราหณ์วิพาหะแฝงตัวเข้าไปพบเจ้าหญิงที่จุฬาตรีคูณซึ่งอยู่ติดกับอุทยานด้าน หลังของปราสาทที่บรรทมของนาง และแสดงรูปโฉมแท้จริง แต่ไม่ได้บอกว่าที่แท้ตนเป็นใคร ในที่สุดทั้งคู่ผูกรักสมัครใคร่ อริยวรรตได้ทราบว่าที่แท้ชนนีของดารารายพิลาสก็ถูกบังคับให้กระ โจนลงสูวังน้ำวนเบื้องล่างที่สถานจุฬาตรีคูณ

การแฝงตัวของอริยรรตไม่อาจรอดพ้นหูตาของฝ่ายกาสีจึงโดยจับไปขังคุก ดารารายแอบเข้าไปปล่อยให้อริวรรตเป็นอิสระแต่ขอคำมั่นว่าจะไม่บุกแคว้นตนแต่ถูกปฎิเสธ ทำให้นางตัดสินใจตะโกนเรียกทหาร 

ก่อนที่อริยวรรตจะเพลี่ยงพล้ำ ขัตติยะราเชนทร์นำทหารมาช่วยทำให้หนีออกไปได้ และอริยวรรตก็พาดารารายขึ้นม้าหนีออกไปด้วย แต่ขัตติยะราเชนทร์เสียท่าโดนจับไว้แทน ทางพาราณสีเสนอให้แลกเปลี่ยนเชลย คราแรกอริยวรรตจะไม่ยอมเพราะไม่ต้องการเสียนางไป แต่จะบุกกาสีแทน ดารารายไม่ยอมเป็นคนบาปของแคว้นและตัดใจกล่าวตัดขาดกับอริยวรรต เพื่อให้ทรงยินยอมแลกเปลี่ยนเชลย คล้อยหลังนางไปไม่นานขัตติยะราเชนทร์ก็หนีกลับมาได้แต่ไม่ทันยับยั้งการแลกเปลี่ยน

อริยวรรตเสียพระทัยที่ถูกนางตัดรอนทำให้ไม่มีพระสติทรงตัดสินพระทัยอภิเษก กับพระคู่หมั้นโดยให้พระอนุชาไปรับเจ้าหญิงอาภัสรจากมคธมาจัดพิธีอุปภิเษกกลางป่า โดยไม่ฟังคำทัดทานของใครว่าผิดโบราณราชประเพณีและเป็นลางวิบัติ หลังงานพิธีเจ้าหญิงดารารายทรงหนีจากงานอภิเษกของตัวเองมาได้ แต่กลับพบว่าอริยวรรตมีราชินีแห่งมคธไปแล้ว เจ้าหญิงทรงเสียพระทัยยิ่งนักวิ่งออกไปราวกับวิกลจริต 

เมื่อรู้ว่าตนได้กลายเป็นผู้ทรยศต่อความรักของเจ้าหญิงอันเป็นที่รัก อริยวรรตทรงคลุ้มคลั่ง ยืนกรานยกทัพบุกแคว้นพาราณสีเพื่อติดตามความรัก แม้จะเสี่ยงทายต่อแม่น้ำคงคาว่าการไปครานี้คงไม่รอดชีวิตกลับมา พระอนุชาจะทรงทัดทานเพียงไรก็ไม่ฟัง กลับยกบัลลังก์แคว้นมคธให้ครอง 

ส่วนพระองค์เองบุกเข้าแคว้นพาราณสี เมื่อขัตติยะราเชนทร์และราชินีแห่งมคธยกทัพตามไปช่วย ก็ไม่ทันเสียแล้ว และเมื่อถามหาเจ้าหญิงดารารายจากเหล่านางกำนัล ก็ได้ทรงทราบว่านางถูกกาฬสิงหะและราษฎรทั้งอาณาจักรบังคับสู่สถานจุฬาตรีคูณ เช่นเสด็จแม่ของนาง 

ความรักอภัยได้ทุกอย่าง ดังถ้อยดำรัสของ เจ้าหญิงดารารายพิลาส

"อริยวรรตผู้ทรยศของข้าฯ เอ๋ย ท่านได้มาแล้ว ยังสถานแห่งความรักนี้ มาเถิด จงมาดื่มความพิสวาสกับข้าฯ ณ ที่นี้ ด้วยว่ารักนั้นได้ให้อภัยหมดสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง" 

ดารารายพิลาส ธิดากษัตริย์แคว้นกาสี มีเมืองหลวงคือกรุงราราณาสี ผู้เกลียดและกลัวความงามเพราะเชื่อว่าพระมารดา ดาราราย ถูกสังเวยเพราะความงาม ดาราราย เป็นสตรีที่มีความงามเกินพรรณาและผู้ใหญ่ได้จัดการมั่นหมายให้สมรสกับกษัตริย์กรุงพาราณสี แต่ ดาราราย กลับมีคนรักอยู่ก่อนแล้ว นางได้หนีไปหาคนรักของนางหลังจากที่นางได้ให้ประสูต ดารารายพิลาส ให้กับกษัตริย์กรุงพาราณสี ชาวเมืองพาราณาสีจึงมีมติให้นางนำไปถ่วงน้ำที่จุฬาตรีคูณ ดารารายพิลาส จึงมักไปบวงสรวงจุฬาตรีคูณเพื่อขอให้นางอัปลักษณ์และไม่มีใครรัก นางจะได้ไม่ถูกนำมาถ่วงน้ำที่จุฬาตรีคูณเหมือนพระมารดา 

เพลงนี้เป็นเพลงประกอบ ขณะที่เจ้าหญิงดารารายรำพึงชังความงามตัวเองที่จุฬาตรีคูณ

จ้าวไม่มีศาล
ร้องโดย วินัย จุลบุษปะ

 ขัตติยะราเชนทร์ พระอนุชาของ อริยวรรต ผู้เป็นจอมกษัตริย์แห่งมคธ ต้องการรวมแผ่นดินชมพูทวีปให้เป็นหนึ่ง ด้วยคำอ้างว่าเพื่อรวบรวมเผ่าพันธุ์มคธที่แตกสานซ่านเซ็นกันไปในครั้งศึก อารยัน หลายต่อหลายอาณาจักรที่ยาตราทัพผ่านและมีชัยเหนือแผ่นดินเหล่านั้น จนเมื่อยกทัพมาหยุดยั้งตรงริมฝั่งแม่น้ำคงคา เพื่อข้ามไปยังกรุงพาราณสี ราตรีนั้น อริยวรรต ได้นิมิตเห็นนางงามผู้หนึ่งสะอื้นไห้ด้วยชิงชังในความงามของนางเอง ด้วยความรุ่มร้อนอยากค้นหานางในฝันและต้องการรู้ว่าทำไมนางจึงต้องการเช่น นั้น จึงเลิกทัพแล้วชักชวน ขัตติยะราเชนทร์ พระอนุชา ข้ามฝั่งนทีเพื่อตามหานางในฝัน แต่ด้วยเหตุที่รู้ว่าเป็นลางร้าย ขัตติยะ จึงเพียรขัดขวางแนะนำให้กลับไป อภิเษกกับเจ้าหญิง อาภัสรา พระคู่หมั้น แม้ว่าตนเองจะผูกสมัครรักใคร่อยู่กับนาง แต่เป็นเพราะพระราชบิดาทรงจัดการหมั้นหมายให้ก่อนจะสวรรคต อริยวรรต ทรงทราบพระทัยของคู่รักดีและคิดจะให้ทั้งคู่อุปภิเษกกัน แต่ ขัตติยะราเชนทร์ ทรงปฏิเสธ

เป็นเพลงที่ ขัตติยะราเชนทร์ร้องถามเป็นปริศนาแก่พระเชษฐาขณะ อริยวรรตและขัตติยะราเชนทร์ ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ไปตามหาดารารายพิลาส

ในอ้อมกอดพี่
ร้องโดย ครูเอื้อ

 ดารารายพิลาส ถูกอริยวรรตพาตัวมาที่กองทัพ พอตื่นก็ละเมอถามอริยวรรตว่า "หม่อมฉันอยู่ไหนนี่เพคะ?      


เพลงใต้ร่มมลุลี
วินัย-เพ็ญศรี ขับร้อง

 ขัตติยะราเชนทร์และเจ้าหญิงอาภัสรา ร่ำลากันก่อนเจ้าหญิงจะเข้าพิธีอุปภิเษกใต้ต้นมะลุลี

เพลงปองใจรัก
ครูเอื้อ-มัณฑนา ขับร้อง

 อริยวรรตกำลังเสี่ยงสัตย์กับสายน้ำคงคา แต่ในกระแสน้ำสายเดียวกันนั้น เจ้าหญิงดารารายได้ปลงพระชนม์ตนเอง โดยโจนลงวังวนแห่งจุฬาตรีคูณแล้วจึงกลายเป็นคำพูดโต้ตอบระหว่างอนุสติของอริ ยวรรต กับ ดวงวิญญาณของดาราราย

ยังมีต่อ 

กลับหน้าแรก

This free website was made using Yola.

No HTML skills required. Build your website in minutes.

Go to www.yola.com and sign up today!

Make a free website with Yola